กาลเวลาเปลี่ยนไปไม่สามารถเรียกคืนได้ แต่เราสามารถชะลอความอ่อนเยาว์ให้อยู่กับเราเท่าที่ใจต้องการมหัศจรรย์ใหม แพทย์ทั่วโลกยอมรับในการลดเลือนริ้วรอย Botulinum Toxin หรือเราเรียกว่า โบท็อกซ์ (Botox) รอยย่น บนใบหน้า เกิดจากการแสดงออกของกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์เครียด หรือ การยิ้มโดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนที่มีการแสดงออกทางอารมณ์หลากหลาย เป็นผลทำให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้ามากขึ้น แต่คุณไม่ต้องกังวลกับปัญหานี้อีกต่อไป โบท็อกซ์ (Botox)มีหลักการอย่างไร? ในปัจจุบัน ได้มีการพัฒนายาที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายว่า สามารถยับยั้งการเกิดริ้วรอยบริเวณใบหน้า ที่เกิดจากการแสดงอารมณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โบท็อกซ์ (Botox) จะไปยับยั้งการส่ง กระแสประสาทของเส้นประสาทเล็กๆ ที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อเป็นผลทำให้กล้ามเนื้อลดการเกิดการหดตัว ริ้วรอยลดลง ผิวเรียบเนียนขึ้น ผิวพรรณดูอ่อนเยาว์ นอกจากนี้ยังมีความสามารถควบคุมต่อมเหงื่อ การทำให้ใบหน้าเรียว โดยยับยั้งการทำงานที่มากเกินไปของกล้ามเนื้บริเวณกราม โบท็อกซ์ (Botox) ปลอดภัยและมีผลข้างเคียงอย่างไร ? การฉีด โบท็อกซ์ (Botox) ได้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายเป็นเวลานานกว่า 10 ปี มาแล้ว เพื่อรักษาโรคทางตาและโรคทางระบบประสาทอื่นๆ ต่อมาได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในการชะลอริ้วรอยแห่งวัย ซึ่งได้ผลดี และปลอดภัย หลังการฉีด โบท็อกซ์ (Botox) อาจมีรอยช้ำได้เล็กน้อยและสามารถหายได้เอง โบท็อกซ์ (Botox) เห็นผลเมื่อไหร่ ? การฉีด โบท็อกซ์ (Botox) เป็นการลดเลือนริ้วรอยเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น ซึ่งมีผลการรักษาประมาณ 3-6 เดือน และมารับการฉีดประมาณ 2-4 ครั้งต่อปี โดยหากมีการฉีดกระตุ้นในระยะเวลาที่เหมาะสม อาจได้ผลการรักษาที่คงอยู่นานกว่าเดิม และหลังการฉีดไปแล้วจะเห็นผลภายใน 1 อาทิตย์ อีกทั้งใบหน้ายังดูสดใสอ่อนเยาว์อีกด้วย |
สวยทันใจด้วยโบท็อกซ์ (Health plus )
เชื่อว่าคุณผู้อ่านหลายท่านคงคุ้นเคยกับคำว่า Botox พอจะรู้ว่าโบท็อกซ์เป็นวิธีเสริมสวยลดริ้วรอย แต่อาจจะยังไม่เข้าใจว่าเขาทำกันได้อย่างไร
ก่อน อื่นเรามารู้จักกับโบท็อกซ์ก่อนนะคะ จะว่าไปแล้วนั้นโบท็อกซ์เป็นชื่อการค้าของตัวยาที่เรียกว่า โบทูลินัม ท็อกซิน (Botulinum toxin) พอพูดถึงท็อกซิน มันก็คือสารพิษอย่างหนึ่ง ความจริงแล้วต้นกำเนิดของตัวยาชนิดนี้ก็มาจากสารพิษที่แบคทีเรียชนิดหนึ่ง สร้างขึ้นมา มักจะพบในอาหารกระป๋องที่เน่าบูด เมื่อรับประทานเข้าไปมีผลให้สารนี้ไป ทำให้เกิดการคลายตัวหรือเป็นอัมพาตของกล้ามเนื้อผนังลำไส้ชั่วคราว จึงเกิดปัญหาท้องเสียอย่างรุนแรง เพราะกล้ามเนื้อลำไส้ไม่สามารถบีบรัดตัวไว้ได้
ด้วย ความช่างสังเกตของแพทย์ จึงมีนายแพทย์ชาวแคนาดาคิดว่าในเมื่อสารชนิดนี้สามารถช่วยคลายกล้ามเนื้อ ลดการหดเกร็งตัวของกล้ามเนื้อได้จึงน่าจะนำมารักษาคนไข้ที่มีปัญหาขยิบตา บ่อยๆ เป็นอัตโนมัติแบบห้ามไม่ได้ และก็พบว่า เมื่อฉีดเจ้าสารโบท็อกซ์เข้าไปให้กล้ามเนื้อบริเวณรอบดวงตาสามารถลดปัญหา กะพริบตาบ่อยเกินไปหรือตาขยิบตลอดเวลา และนับเป็นโชคดีของคุณผู้หญิงเรา ที่บังเอิญภรรยาของคุณหมอโรคตาท่านนี้เป็นแพทย์ผิวหนัง จึงได้ตั้งข้อสังเกตว่าถ้าเรานำสารชนิดนี้มาฉีดบริเวณกล้ามเนื้อที่เกร็งมาก จนปรากฏเป็นรอยขมวดคิ้ว ริ้วรอยที่หน้าผากจากการเลิกคิ้ว และรอยตีนกา ก็น่าจะได้ผลเช่นกันและเมื่อได้ทำการทดลองกับคนใช้หลายๆ ราย ก็พบว่าสารโบทูลินัม ท็อกซินนั้น เมื่อนำมาสกัดทำให้บริสุทธิ์ เจือจางให้ได้ความเข้มข้นที่เหมาะสม และนำกลับเข้าไปฉีดกล้ามเนื้อที่มีการเกร็งตัวผิดปกติ ก็จะช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว ลดริ้วรอยได้ผลดี
และนี่คือที่มาที่ไปของการนำสาร โบทูลินัม ท็อกซิน หรือเรียกย่อๆ ว่า โบท็อกซ์ มาใช้ลดริ้วรอยที่เกิดจากการหดเกร็งของกล้ามเนื้อโดยเฉพาะรอยตีนการอบดวงตา รอยขมวดคิ้ว รอยย่นที่หน้าผาก ซึ่งนับว่าได้ผลดีเป็นที่น่าพอใจ แต่สมัยแรกๆ นั้น คุณหมอชาวอเมริกันชอบฉีดในปริมาณเยอะๆ ทำให้หน้าเรียบกริบ จนไม่สามารถแสดงสีหน้าตามปกติได้ จะยิ้มก็ไม่เต็มที่ เพราะกล้ามเนื้อหดตึงไม่ได้ บางครั้งจึงดูเหมือนหน้าหลอกไม่เป็นธรรมชาติ หลังจากที่คุณหมอทั้งหลายมีประสบการณ์มากขึ้น ก็มีการปรับเปลี่ยนวิธีการฉีด ใส่ตัวยาน้อยลง เลือกเฉพาะกล้ามเนื้อที่แข็งเกร็งจริง ๆ คุณจึงสามารถขยับยิ้มได้ตามปกติ และมีริ้วรอยน้อยลง
ใน ปัจจุบันยังมีเทคนิคการฉีดโบท็อกซ์เพื่อยกหน้า ซึ่งไม่ได้ฉีดเข้าไปในชั้นกล้ามเนื้อเหมือนโบท็อกซ์แบบเดิม แต่เป็นการเจือจางตัวยา และฉีดเข้าไปในชั้นผิวหนัง เพื่อให้เกิดปฏิกิริยาไปกระตุ้นการซ่อมแซมเนื้อเยื่อคอลลาเจนและอีลาสตินใน ชั้นหนังแท้ เมื่อผิวหนังชั้นนี้แข็งแรงขึ้น ผิวหน้าก็จะดูเรียบและยกกระชับขึ้นมาได้
แต่ เทคนิคการฉีดโบท็อกซ์นั้น ใช่ว่าจะได้ผลยืนยาวไปตลอด ทั้งนี้ก็เพราะร่างกายเราจะตรวจเจอได้ว่า มีสารสิ่งแปลกปลอมเข้ามาสุดท้ายก็จะหาทางกำจัดออกไป การฉีดโบท็อกซ์จึงให้ผลในการลดริ้วรอย และยกกระชับผิวหน้า เพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆ 3-6 เดือน และก็ต้องกลับมาฉีดซ้ำใหม่ ปีหนึ่งจึงอาจต้องเติมโบท็อกซ์กันถึง 2-3 ครั้ง
มี ข้อควรระวังบ้างเหมือนกัน คนส่วนใหญ่มักไม่แพ้สารโบทูลินัม ท็อกซิน แต่อาจจะมีบางคนที่มีปฏิกิริยาบวมแดงได้มากกว่าคนอื่นๆ เพราะโดยทั่วไปแล้วหลังจากฉีด อาจจะบวมแดงเพียงแค่ 1-2 วัน มีรอยฟกช้ำจากเข็มได้บ้างแต่ก็เป็นไปได้น้อย แต่บางครั้งหากคุณฉีดโบท็อกซ์จำนวนเยอะๆ บ่อยครั้ง ต่อเนื่องกันนานๆ ร่างกายเราอาจจะสร้างภูมิต้านทานขึ้นมา ทำให้สามารถกำจัดตัวยา ซึ่งเป็นเสมือนสิ่งแปลกปลอมออกไปจากผิวหนังและร่างกายเราได้เร็วขึ้น แทนที่จะได้ผลของโบท็อกซ์ยาว 5-6 เดือน ก็กลายเป็นว่าเดือนกว่าๆ ริ้วรอย ตีนกาก็กลับมาถามหาอีกแล้ว เพราะร่างกายเรามีประสิทธิภาพในการกำจัดสิ่งแปลกปลอมนี้ได้ดียิ่งขึ้น พบปัญหานี้ไม่บ่อย ยกเว้นในคนที่ฉีดปริมาณมากๆ และบ่อยครั้งจริงๆ
ความจริงการแก้ปัญหาริ้วรอยเหี่ยวย่น และหน้าหย่อนคล้อยด้วยการฉีดโบท็อกซ์นั้น นับเป็นวิธีที่ให้ผลรวดเร็วทันใจ เพียงแค่ 1-2 วันก็รู้สึกได้ถึงความตึงกระชับของผิว และริ้วรอยเหี่ยวย่นรอยตีนกาจางหายไปได้ในพริบตา เพียงแต่ผลไม่อยู่ยาว ดังนั้น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสุขภาพความงามทั้งหลาย จึงมักแนะนำให้คุณทำควบคู่ไปกับการใช้เลเซอร์บางชนิด ที่มีผลไปกระตุ้นให้ชั้นคอลลาเจนและอีลาสตินแข็งแรงคงทนอยู่ยาวๆ จึงจะเห็นผลในแง่ของการรักษาริ้วรอยเหี่ยวย่นและกระชับผิว ป้องกันความหย่อนยานของผิวหน้าอย่างเห็นผลในระยะยาว และที่ขาดไม่ได้ก็คือการใช้ครีมกันแดด SPF ตั้งแต่ 30 ขึ้นไป ป้องกันไม่ให้ผิวเสื่อมสภาพ จึงจะช่วยให้เห็นผลดียิ่งขึ้น
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
ที่มา หนังสือHealth plus No.46 ธันวาคม 2552
ที่มา หนังสือHealth plus No.46 ธันวาคม 2552